โฆษกนายก เผยข่าวดีสำหรับคนกรุงว่า กรุงเทพเปิด 3 ท่าเรือ ได้แก่ ท่าเรือพระราม 7- ท่าเรือท่าเตียน – ท่าเรือเกียกกาย ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทฺธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เร่งขับเคลื่อนนโยบายเชื่อมต่อการเดินทาง ล้อ-ราง-เรืออย่างไร้รอยต่อ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้ประชาชนมีความสะดวกสบาย ปลอดภัยในการเดินทาง แก้ปัญหาการจราจรติดขัด และส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำอย่างต่อเนื่อง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
ตามยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี
ผ่านแผนพัฒนายกระดับท่าเรือโดยสาร (Smart Pier) ในแม่น้ำเจ้าพระยา ให้เป็นสถานีเรือที่มีความทันสมัย สะดวก ปลอดภัย มีรูปลักษณ์สวยงามเป็นแลนด์มาร์ค เชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะต่าง ๆ ทั้งทางถนนและทางรางจำนวน 29 แห่ง ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล งบประมาณ 942 ล้านบาท
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า สำหรับแผนพัฒนายกระดับท่าเรือโดยสาร (Smart Pier) ในแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้ง 29 ท่า ได้ดำเนินการแล้วเสร็จและเปิดใช้งานแล้วจำนวน 6 แห่ง ได้แก่ ท่าเรือกรมเจ้าท่า ท่าเรือสะพานพุทธ ท่าเรือนนทบุรี ท่าเรือท่าช้าง ท่าเรือสาทร และท่าเรือพายัพในช่วงระหว่างปี 2562-2564 และในปี 2565 ที่ผ่านมา ดำเนินการแล้วเสร็จและเปิดให้บริการอีก 2 แห่งได้แก่ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ได้เดินทางไปเป็นประธานในพิธีเปิดท่าเรือราชินี และท่าเรือบางโพ เป็น“ของขวัญปีใหม่ 2566”ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา
และจะดำเนินการแล้วเสร็จในปี 2566 3 แห่งได้แก่ ท่าเรือพระราม 7 ท่าเรือท่าเตียน และท่าเรือเกียกกาย ที่เหลืออีก 18แห่งคาดว่าดำเนินการได้แล้วเสร็จตามแผนในปี 2568 ได้แก่ ท่าเรือพระราม 5 ท่าเรือพระปิ่นเกล้า ท่าเรือปากเกร็ด ท่าเรือสี่พระยา ท่าเรือเขียวไข่กา ท่าเรือสะพานกรุงธน (ซังฮี้) ท่าเรือพรานนก ท่าเรือเทเวศร์ ท่าเรือโอเรียนเต็ล ท่าเรือราชวงศ์ ท่าเรือพิบูลสงคราม 2 (นนทบุรี) ท่าเรือวัดตึก ท่าเรือพิบูลสงคราม 1 ท่าเรือวัดเขมา ท่าเรือวัดสร้อยทอง ท่าเรือวัดเทพากร ท่าเรือวัดเทพนารี และท่าเรือรถไฟ โดยเมื่อการก่อสร้างปรับปรุงท่าเรือแล้วเสร็จตามแผนทั้งหมดจะทำให้มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็น 53,000 คนต่อวัน ในปี 2570
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นอกจากจะมีการพัฒนาท่าเรือแล้ว ยังส่งเสริมให้มีเรือโยสารพลังงานไฟฟ้าที่สามารถประหยัดพลังงาน ลดมิษ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สอดรับเป้าหมายของรัฐบาลในการเร่งผลักดันให้เกิดการเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี 2065 “สะท้อนวิสัยทัศน์และการคิดบูรณาการของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ไม่เพียงมุ่งพัมนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม รัดกุม รอบด้านในทุกมิติ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างยั่งยืน” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุ
‘อนุทิน’ ตอบปมย้าย ‘หมอสุภัทร’ ยืนยันไม่เกี่ยวกับตน เป็นเรื่องของปลัด
อนุทิน ยืนยันการโยกย้าย หมอสุภัทร ไม่เกี่ยวกับตน และเป็นเรื่องของปลัด หลังถูกตั้งข้อสังเกตว่าการโยกย้ายครั้งนี้เกิดขึ้น เพราะหมอสุภัทรวิจารณ์กัญชาเสรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงคำสั่งย้าย หมอสุภัทร หรือ ย้ายนายแพทย์ สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ ไปเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลสะบ้าย้อย จนมีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการย้ายเนื่องจาก หมอสุภัทร เคยวิจารณ์เรื่องกัญชาเสรีหรือไม่นั้น
ในประเด็นดังกล่าว นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าการโยกย้ายข้าราชการต่ำกว่าซี 10 เป็นเรื่องของปลัดกระทรวงทุกกระทรวง ในกรณีของกระทรวงสาธารณสุขข้าราชการระดับผู้อำนวยการโรงพยาบาลต่ำกว่าระดับซี 10 เป็นการพิจารณาของปลัดกระทรวงสาธารณสุข รัฐมนตรีหรือฝ่ายการเมืองไม่เกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าเข้าไปเกี่ยวข้องมันทำงานไม่ได้ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลมีเป็นพันๆ คน
ส่วนที่มีการมองว่าปลัดโยกย้ายเพื่อเอาใจรัฐมนตรี เพราะมองเป็นเสี้ยนหนามกัน นายอนุทิน กล่าวว่า จะมาเอาใจรัฐมนตรีได้อย่างไร พร้อมระบุว่า ในกระทรวงสาธารณสุขเป็นเพื่อนร่วมงานตนทุกคน จะเป็นเสี้ยนหนามได้อย่างไร ตนไม่เคยมองใครสักคนเป็นเสี้ยนหนามเลย
นาย อนุทิน กล่าวอีกด้วยว่า ตนเป็นรัฐมนตรีเพราะประชาชนเลือกมา ปลัดกระทรวงสาธารณสุขมาทำเอาใจตนทำไม ท่านเป็นปลัดกระทรวงเรียบร้อยแล้ว และอยู่ได้อีกตั้งหลายปี หากจะเอาใจตนขอให้ทำนโยบายที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน แล้วตนจะรู้สึกดีใจมากกว่าด้วย
ซึ่งเรื่องของการปฏิบัติงานที่บอกว่าการที่เราไม่ปราบปรามยาเสพติดให้เด็ดขาด เพราะกลัวคุกไม่พอขัง ซึ่งคณะกรรมการส่วนใหญ่เห็นว่าอันนี้ไม่ใช่เหตุผลแต่เหตุผลคือเราต้องมีมาตรการที่เด็ดขาด และทำให้เห็นว่ากระบวนการทางกฎหมายมีประสิทธิภาพที่บอกว่าคุกไม่พอขังวันนี้ก็ไม่พอขังอยู่แล้ว ซึ่งการปฏิบัติก็เป็นหน้าที่ของตำรวจ สำหรับกระทรวงสาธารณสุขก็ต้องไปหางบประมาณเพื่อมาทำในเรื่องของระบบการบำบัดผู้ติดยาเสพติด
นางล้อมเล่าอีกว่าหลานได้โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กระบุว่า ”แหะ มาเล่าประสบการณ์จากชีวิตจริงให้ฟังค่ะ ตอนประถมเราโดนล้อเรื่องพ่อแม่เเยกทางกัน โดนรุมทำอนาจาร ทุกวันนี้คนที่ทำยังล้อเราอยู่เลย เขาดูมีความสุขมากที่ทำแบบนั้นเราผิดมากเลยใช่มั้ย วันนั้นเพื่อนเราอยู่ใกล้เราค่อนข้างเยอะ แต่แปลกที่ไม่มีใครช่วยเราเลย เรื่องพ่อแม่แยกทางกันมันรู้สึกแย่ตรงที่เราโดนเอามาล้อ โพสต์นี้เราอยากระบายมาก” รวมไปถึงเขียนข้อความว่า “ลาโลก” ก่อนจบชีวิตด้วย
เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> ufabet เว็บตรง